ไฟฟ้า คือพลังงานที่ขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเปิดไฟในบ้านจนถึงการเดินเครื่องจักรขนาดใหญ่ในโรงงานอุตสาหกรรม แต่พลังงานรูปแบบนี้ก็แฝงไปด้วยอันตราย หากไม่มีระบบป้องกันที่เพียงพอ การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงอุบัติเหตุร้ายแรง ตั้งแต่ไฟดูดไปจนถึงเพลิงไหม้ที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ในระบบไฟฟ้าของบ้านเรือน อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล โรงงาน หรือสถานประกอบกิจการทุกประเภท “ความปลอดภัยทางไฟฟ้า” จึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม หนึ่งในหัวใจสำคัญของการป้องกันอันตรายเหล่านี้คือ อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ไม่ว่าจะเป็น ELCB, RCD หรือ GFCI ที่มีบทบาทในการตรวจจับความผิดปกติของกระแสไฟ และตัดไฟทันทีในเสี้ยววินาทีก่อนเกิดเหตุร้าย
ความหมายของอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว
อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว (Residual Current Devices: RCDs) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลจากวงจรไฟฟ้าปกติไปยังดิน โดยอุปกรณ์จะทำการตัดวงจรไฟฟ้าโดยอัตโนมัติหากตรวจพบว่ามีกระแสรั่วที่มีค่าเกินกว่าระดับที่กำหนด ซึ่งเพียงไม่กี่มิลลิแอมป์ก็สามารถทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้
ชื่อเรียกของอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งานหรือการออกแบบ เช่น
-
ELCB (Earth Leakage Circuit Breaker)
-
RCD (Residual Current Device)
-
GFCI (Ground Fault Circuit Interrupter)
แม้จะมีชื่อเรียกที่ต่างกัน แต่เป้าหมายหลักของอุปกรณ์เหล่านี้คือการ “ป้องกันชีวิต” จากกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหลและสามารถเป็นอันตรายได้
หลักการทำงานของ ELCB / RCD / GFCI
1. หลักการพื้นฐานของ RCD
อุปกรณ์จะตรวจจับความไม่สมดุลของกระแสระหว่างสายเฟส (L) และสายนิวทรัล (N) ถ้าอุปกรณ์พบว่ากระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้าสู่โหลด (ผ่านสาย L) ไม่เท่ากับกระแสไฟที่ไหลกลับ (ผ่านสาย N) แสดงว่ามีกระแสรั่วไหลผ่านสื่ออื่น เช่น ผ่านร่างกายของคนสู่อุปกรณ์โลหะและลงสู่ดิน
เมื่อพบความแตกต่างของกระแสที่มากกว่า 30 mA ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่สามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ อุปกรณ์จะสั่งให้ตัดวงจรภายในเวลาไม่เกิน 30 มิลลิวินาที ซึ่งเพียงพอที่จะลดความรุนแรงของการถูกไฟดูด
2. ELCB แบบเก่าและแบบใหม่
-
ELCB แบบแรงดัน (Voltage Earth Leakage Circuit Breaker): ตรวจจับแรงดันไฟฟ้าระหว่างตัวนำดินกับส่วนโลหะที่ต่อกับตัวอุปกรณ์ หากพบแรงดันผิดปกติจะตัดวงจร
-
ELCB แบบกระแส (Current ELCB หรือ RCD): เป็นรุ่นที่ใช้ในปัจจุบัน ตรวจจับความแตกต่างของกระแสไฟในสาย L และ N ซึ่งมีความไวสูงและแม่นยำกว่าระบบแรงดัน
3. GFCI (Ground Fault Circuit Interrupter)
GFCI เป็นคำเรียกที่นิยมใช้ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมักติดตั้งในปลั๊กไฟหรือเบรกเกอร์ย่อย โดยเฉพาะในจุดที่มีความเสี่ยงต่อความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่กลางแจ้ง
ความแตกต่างระหว่างเบรกเกอร์ธรรมดากับอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว
ประเภท | เบรกเกอร์ธรรมดา (MCB) | อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว (RCD/ELCB/GFCI) |
---|---|---|
จุดประสงค์ | ป้องกันการใช้กระแสเกิน และลัดวงจร | ป้องกันไฟฟ้ารั่วและไฟดูด |
ตรวจจับอะไร | กระแสไฟเกินหรือลัดวงจร | ความไม่สมดุลของกระแส |
ความไว | สูงต่อกระแสเกิน (เช่น > 10A) | ไวต่อกระแสรั่ว (เช่น > 30mA) |
ป้องกันชีวิต | ไม่สามารถป้องกันไฟดูดได้ | ป้องกันไฟดูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ระยะเวลาตัดวงจร | ช้ากว่ามาก (วินาที) | เร็วมาก (ไม่เกิน 30 มิลลิวินาที) |
กระแสไฟฟ้าเพียง 30 มิลลิแอมแปร์ สามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ในเวลาไม่ถึง 1 วินาที!
อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วอย่าง RCD หรือ GFCI ถูกออกแบบมาให้ตัดไฟเมื่อกระแสไฟรั่วเกิน 30 มิลลิแอมแปร์ เพื่อช่วยชีวิตคุณทันที
ทำไมควรติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วในทุกจุดเสี่ยง
1. ความปลอดภัยของชีวิต
กระแสไฟฟ้าขนาดเพียง 10-30 mA ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้ การติดตั้งอุปกรณ์ RCD/GFCI จึงช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในจุดที่มีคนใช้งานบ่อย เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว เครื่องทำน้ำอุ่น และบริเวณภายนอกอาคารที่เปียกชื้น
2. ป้องกันอัคคีภัยจากไฟฟ้ารั่ว
ไฟฟ้ารั่วในสายไฟที่เสื่อมหรือฉนวนที่แตกร้าวอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมจนลุกไหม้ การมีอุปกรณ์ตรวจจับไฟรั่วจะสามารถตัดไฟก่อนที่จะเกิดประกายไฟหรือความร้อนที่นำไปสู่เพลิงไหม้
3. ลดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ไฟฟ้ารั่วในอุปกรณ์ไฟฟ้าราคาแพง เช่น คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น หรือระบบไฟฟ้าในเครื่องจักร อาจทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสียหาย การมี RCD จะช่วยตัดวงจรทันทีเมื่อเกิดความผิดปกติ ลดความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ
4. ข้อกำหนดตามมาตรฐานและกฎหมาย
ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้มีการระบุไว้ใน มาตรฐานไฟฟ้า เช่น มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย (มยผ.) หรือมาตรฐาน IEC ว่าควรติดตั้ง RCD ในจุดเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานประกอบกิจการ
🔎 อ้างอิงมาตรฐาน
IEC 60364 – Low-voltage electrical installations
มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย (วสท.)
ประเภทของ RCD และการเลือกใช้งาน
1. RCD ประเภท Type AC
ตรวจจับกระแสรั่วที่เป็นรูปคลื่นไซน์กระแสสลับ (AC) เหมาะสำหรับโหลดทั่วไป เช่น หลอดไฟ พัดลม
2. RCD ประเภท Type A
ตรวจจับได้ทั้ง AC และ DC ที่พัลส์ เช่น ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น
3. RCD ประเภท Type B
ตรวจจับได้ทั้ง AC และ DC แบบเรียบ ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มี Inverter หรือระบบ Solar Cell
การติดตั้งและดูแลรักษา
-
ควรติดตั้ง RCD หรือ GFCI ใน แผงควบคุมไฟฟ้าย่อย (Consumer Unit) หรือจุดจ่ายไฟที่ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้ารายจุด
-
แนะนำให้มี RCD ทดสอบได้ (Test Button) เพื่อสามารถตรวจสอบการทำงานได้เป็นประจำ
-
ควรทดสอบอุปกรณ์เดือนละ 1 ครั้ง โดยการกดปุ่ม “TEST” หากตัดไฟแสดงว่าอุปกรณ์ยังทำงานปกติ
บทสรุป
อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วเช่น ELCB, RCD, หรือ GFCI เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันอันตรายจากไฟดูดและไฟฟ้ารั่ว ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ สูญเสียชีวิต หรือทรัพย์สินได้ โดยอุปกรณ์เหล่านี้ทำงานแตกต่างจากเบรกเกอร์ธรรมดา เนื่องจากสามารถตรวจจับความผิดปกติของกระแสที่เบรกเกอร์ทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้
การติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และช่วยเสริมภาพลักษณ์ขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
หากคุณหรือองค์กรของคุณต้องการ อบรมเรื่องระบบไฟฟ้า การป้องกันไฟรั่ว หรือหัวข้อเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไฟฟ้าอื่น ๆ ทีมวิทยากรมืออาชีพของเรายินดีให้บริการทั้งในรูปแบบ In-house Training และ Public Course
✅ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
✅ อธิบายเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง
✅ เนื้อหาครอบคลุม มาตรฐานใหม่ล่าสุด เรียน 3 ชั่วโมง
✅ เหมาะสำหรับทั้งพนักงานทั่วไป ช่างเทคนิค และวิศวกร
📩 ติดต่อสอบถามหรือจองอบรมได้ที่
โทร: (064) 958 7451 คุณแนน
อีเมล: [email protected]
รานยละเอียดหลักสูตร : อบรมไฟฟ้า inhouse
บทความที่น่าสนใจ
- มาตรฐานระดับเสียงในสถานที่ทำงาน ที่ต้องระวัง
- ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ในที่ทำงาน ต้องตรวจอะไรบ้าง
- ไฟฟ้าลัดวงจร คืออะไร ป้องกันอย่างไร
- วงจรประเภทต่างๆ ที่ช่างไฟฟ้าควรรู้