Home » งานก่อสร้าง จุดที่ต้องระวังอันตรายมีอะไรบ้าง

งานก่อสร้าง จุดที่ต้องระวังอันตรายมีอะไรบ้าง

by Chris Beck
161 views
งานก่อสร้าง จุดที่ต้องระวังอันตรายมีอะไรบ้าง

การทำงานก่อสร้างเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่อาจมีความไม่แน่นอน และต้องใช้เครื่องมือหนัก ๆ รวมถึงการทำงานบนที่สูงและการใช้สารเคมี ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้ง่าย หากไม่มีการระมัดระวังเพียงพอ ดังนั้น การทำงานในวงการก่อสร้างจำเป็นต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุในทุกๆ จุดที่มีความเสี่ยง

12 สิ่งที่ต้องระวังในงานก่อสร้าง

1. ทำงานบนที่สูง

การทำงานบนที่สูงเป็น 1 ในจุดที่มีความเสี่ยงมากที่สุดในงานก่อสร้าง การตกจากที่สูงสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตได้ การป้องกันการตกจากที่สูงควรมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น เข็มขัดนิรภัย และสายรัดตัว ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีราวกันตกบริเวณที่ทำงานบนที่สูงและมีการตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างที่จะขึ้นไปทำงานอย่างละเอียด

ผู้ปฏิบัติงานในส่วนนี้ต้องผ่านการอบรมที่สูง ก่อนปฏิบัติงานซึ่งเป็นข้อกำหนดตามกฎหมาย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น และตรวจสอบว่าไม่มีการอบรมที่สูงก่อนปฏิบัติงาน นายจ้างจะถูกทำโทษข้อหาละเลยต่อกฎหมายที่กำหนด

2. ทำงานใกล้เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้าง

การทำงานใกล้เครื่องจักรหนัก เช่น รถขุด รถเครน และเครื่องจักรอื่น ๆ มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชน เหยียบ หรือการหล่นทับ เครื่องจักรเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงได้ หากไม่มีการควบคุมและระมัดระวังอย่างเพียงพอ การใช้งานเครื่องจักรต้องมีการฝึกอบรม อย่างเช่นการใช้งานเครน ก็ต้องผ่านอบรมหลักสูตรเครน 4 ผู้ และการรับรองความสามารถของผู้ควบคุมเครื่องจักร รวมถึงการตรวจสอบเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

3. ยกของหนัก

งานส่วนใหญ่ในงานก่อสร้างผู้ปฏิบัติงานต้องมีการแบกหาม ยกของที่มีน้ำหนักโดยไม่มีการใช้เครื่องมือช่วย อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หลัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว การยกของหนักหากมีพื้นที่เพียงพอควรมีการใช้เครื่องมือช่วยยก เช่น รถยก หรือปั้นจั่น และต้องมีการฝึกอบรมการยกของอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ

4. การทำงานในพื้นที่แคบ

การทำงานในพื้นที่แคบ เช่น ท่อระบายน้ำหรือที่ใต้ดิน มีความเสี่ยงต่อการขาดอากาศหายใจ ในการทำงานส่วนนี้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่ผ่านการอบรมที่อับอากาศ เข้าปฏิบัติงาน ซ฿่งจะมีอุปกรณ์เฉพาะทางอย่าง ไตรพอด การใช้เครื่องช่วยหายใจหรือหน้ากากป้องกัน เพื่อป้องกันการขาดอากาศ นอกจากนี้ ควรมีการตรวจสอบสภาพพื้นที่ก่อนการทำงาน และการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

อันตรายในพื้นที่ที่มีการขุดเจาะ

5. อันตรายในพื้นที่ที่มีการขุดเจาะ

การขุดเจาะพื้นดินอาจเกิดการทรุดตัวหรือดินถล่มได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ก่อนขุดเจาะจึงต้องมีการวางแผนและการคำนวณความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รวมถึงการเสริมโครงสร้างเพื่อป้องกันการถล่มของดิน การใช้อุปกรณ์ตรวจสอบความมั่นคงของพื้นดินและการเฝ้าระวังสภาพดินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด

6. ทำงานกับไฟฟ้า

การทำงานกับไฟฟ้าในงานก่อสร้างมีความเสี่ยงต่อการถูกไฟฟ้าดูด การทำงานกับระบบไฟฟ้าต้องมีการฝึกอบรมและความรู้เกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี การตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ควรมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าและการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ

7. อันตรายในทำงานกับสารเคมี

สารเคมีที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น สารเคลือบ สารป้องกันเชื้อรา และสารทำความสะอาด มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพ การทำงานกับสารเคมีควรมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันสารเคมี เช่น ถุงมือ แว่นตา หน้ากาก และเสื้อผ้าที่ป้องกันสารเคมีได้ดี นอกจากนี้ ควรมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้สารเคมีอย่างถูกวิธีและการจัดเก็บสารเคมีในที่ที่เหมาะสม

8. การทำงานในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

การทำงานในสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือมีฝนตก อาจทำให้เกิดการลื่นล้ม หรือการเจ็บป่วยจากความร้อน การทำงานในสภาพอากาศเช่นนี้ควรมีการเตรียมตัวและการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อความปลอดภัย เช่น การใช้อุปกรณ์ป้องกันการลื่น และการพักผ่อนในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี นอกจากนี้ ควรมีการตรวจสอบสภาพอากาศและการวางแผนการทำงานตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

9. การทำงานใกล้ถนน

หากงานก่อสร้างอยู่ในบริเวณใกล้ถนนหรือบริเวณที่มีการจราจร มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ หรือการก่อสร้างของเราอาจจะส่งผลต่อรถยนต์ที่กำลังเดินทางบนถนนเส้นนั้น การทำงานในบริเวณดังกล่าวควรมีการติดตั้งป้ายเตือนและกำหนดเส้นทางเดินสำหรับคนงานอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการถูกยานพาหนะชน หรือสิ่งของก่อสร้างตกใส่รถ นอกจากนี้ ควรมีการใช้เครื่องมือช่วยในการทำงานเช่นสัญญาณไฟจราจรชั่วคราว และการทำงานในช่วงเวลาที่การจราจรไม่หนาแน่น

10. รู้การเก็บรักษาอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง

วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ ควรเก็บรักษาให้เป็นระเบียบและปลอดภัย เพื่อป้องกันการล้มหล่นหรือเกิดอุบัติเหตุจากการชนกัน การจัดเก็บวัสดุควรมีการจัดระเบียบและการตรวจสอบความมั่นคงของวัสดุและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรมีการวางแผนการจัดเก็บวัสดุอย่างเป็นระบบและการใช้อุปกรณ์ช่วยในการยกและเคลื่อนย้ายวัสดุเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

11. ป้องกันอันตรายจากฝุ่น

ฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้าง เช่น ฝุ่นจากการตัดหินหรือการเจาะคอนกรีต อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยทางระบบทางเดินหายใจ การทำงานในพื้นที่ที่มีฝุ่นควรมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากากกรองฝุ่น และการใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือระบบระบายอากาศที่ดี เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นในพื้นที่ทำงาน

12. ป้องกันเสียงดัง

เสียงดังที่เกิดจากการใช้เครื่องจักรในการก่อสร้าง เช่น การเจาะ การตัด หรือการตอกเสาเข็ม อาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยินหรือการเจ็บป่วยทางระบบหู การทำงานในพื้นที่ที่มีเสียงดังควรมีการใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียง เช่น ที่อุดหูหรือหูฟังกันเสียง นอกจากนี้ ควรมีการตรวจสอบระดับเสียงในพื้นที่ทำงานและการควบคุมเสียงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

” นอกจากผู้ปฏิบัติงานต้องระมัดระวังการปฏิบัติงานของตนเองแล้ว หัวหน้างานเองก็ต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยของลูกน้องของตน “

บทบาทของหัวหน้างานในการดูแลลูกน้องในงานก่อสร้าง

บทบาทของหัวหน้างานในการดูแลลูกน้องในงานก่อสร้าง

หัวหน้างานในงานก่อสร้างมีบทบาทสำคัญในการดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของลูกน้อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ในการทำงานด้านก่อสร้าง หัวหน้างาน ต้องผ่านการอบรม จป หัวหน้างาน จากศูนย์อบรมทีไ่ด้รับอนุญาตอย่าง ศูนย์ฝึกอบรม จป Thaisafe ในการอบรมนี้เป็นข้อกำหนดตามกฎหมาย เพื่อให้ทราบบทบาทหน้าที่การทำงานของตนและมาตรการความปลอดภัย ที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้สามารถนำความรู้นี้ ไปดูแลความปลอดภัยให้กับลูกน้องได้อย่างถูกต้อง หัวหน้างานต้องมีความรับผิดชอบหลายด้านดังต่อไปนี้:

การให้คำแนะนำและการฝึกอบรม

  1. การให้คำแนะนำ: หัวหน้างานต้องให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ถูกต้องและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือที่มีความเสี่ยงสูง การให้คำแนะนำที่ถูกต้องจะช่วยให้ลูกน้องเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยได้อย่างเคร่งครัด
  2. จัดทำคู่มือการทำงาน: หัวหน้างานต้องจัดทำคู่มือเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานให้กับลูกน้อง ทั้งการฝึกอบรมเบื้องต้นสำหรับพนักงานใหม่และการฝึกอบรมเพิ่มเติมสำหรับพนักงานที่มีประสบการณ์ ครอบคลุมถึงการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) การทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ควบคุมและตรวจสอบการทำงาน

  1. ควบคุมการปฏิบัติงาน: หัวหน้างานต้องควบคุมการปฏิบัติงานของลูกน้อง ให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยที่กำหนด การเฝ้าระวังและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน
  2. ตรวจสอบอุปกรณ์และเครื่องมือ: หัวหน้างานต้องตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ การตรวจสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบการใช้งานที่ถูกต้องและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย

ประเมินความเสี่ยงและกำหนดการป้องกัน

ประเมินความเสี่ยงและกำหนดการป้องกัน

  1. การประเมินความเสี่ยง: ทำการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการทำงาน การประเมินความเสี่ยงนี้ควรครอบคลุมถึงการประเมินสภาพแวดล้อมการทำงาน การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ และการประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพ การประเมินความเสี่ยงช่วยให้หัวหน้างานสามารถวางแผนการป้องกันและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การวางแผนการป้องกัน: หัวหน้างานต้องวางแผนการป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บ โดยการกำหนดมาตรการความปลอดภัยที่เหมาะสม การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และการกำหนดวิธีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัย การวางแผนที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

การสื่อสารและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี

  1. การสื่อสาร: หัวหน้างานต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดีและชัดเจนกับลูกน้อง การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ลูกน้องเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยได้อย่างถูกต้อง หัวหน้างานควรเปิดโอกาสให้ลูกน้องสอบถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย
  2. การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี: หัวหน้างานต้องสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความปลอดภัยและสุขภาพดี โดยการจัดให้มีพื้นที่ทำงานที่สะอาดและเป็นระเบียบ การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่เพียงพอ และการดูแลสุขภาพของลูกน้อง การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

การให้การสนับสนุนและการแก้ไขปัญหา

  1. ให้การสนับสนุน: หัวหน้างานต้องให้การสนับสนุนและการดูแลลูกน้องในด้านต่าง ๆ เช่น การให้คำปรึกษา การช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน และการดูแลสุขภาพจิตของลูกน้อง การให้การสนับสนุนที่ดีจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพร้อมในการทำงานของลูกน้อง
  2. แก้ไขปัญหา: มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย

สรุป

การทำงานก่อสร้างมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวังอันตรายหลายประการ การปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยและการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยขึ้น ความรู้ความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัย และการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยในงานก่อสร้าง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

Yemencantwait เว็บรวบรวมความรู้มีประโยชน์เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน ที่สามารถตอบโจทย์ทุกข้อสงสัยของคุณ 

ติดต่อ

บทความ

©2024 – All Right Reserved. Designed by Yemencantwait