ในสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงด้านอัคคีภัย มักจะมีการกำหนดบุคลากรเฉพาะทางเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อย คือการมองว่า “ผู้เฝ้าระวังไฟ” คือคนเดียวกับ “พนักงานดับเพลิง” หรือ “Firefighter” ที่คอยรับมือเวลาเกิดไฟไหม้ ทั้งที่ในความเป็นจริง บุคคลทั้งสองกลุ่มมีหน้าที่ จุดประสงค์ และการฝึกอบรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เข้าใจบทบาทของ “ผู้เฝ้าระวังไฟ” และ “พนักงานดับเพลิง” ให้ถูกต้อง
รายการเปรียบเทียบ | ผู้เฝ้าระวังไฟ (Fire Watch) | พนักงานดับเพลิง (Firefighter) |
---|---|---|
วัตถุประสงค์หลัก | ป้องกันไฟลุกลาม/เกิดเหตุ ระหว่างกิจกรรมเสี่ยง เช่น งานเชื่อม ตัด เจียร | ควบคุม ดับไฟ และช่วยเหลือเมื่อเกิดอัคคีภัย |
ช่วงเวลาปฏิบัติงาน | ก่อน ระหว่าง และหลังงานร้อน (Hot Work) | เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้หรือเหตุฉุกเฉินอื่นๆ |
พื้นที่ปฏิบัติงาน | จุดที่มีความเสี่ยงเฉพาะ เช่น พื้นที่แคบ พื้นที่อับอากาศ พื้นที่ใกล้สารไวไฟ | ทั่วสถานประกอบการ หรืออาคารที่รับผิดชอบ |
อุปกรณ์ที่ใช้ | ถังดับเพลิง, เครื่องดับเพลิงประจำจุด, PPE | รถดับเพลิง, เครื่องช่วยหายใจ, ชุดดับเพลิงเต็มรูปแบบ |
ทักษะที่จำเป็น | การสังเกตการณ์, การแจ้งเหตุ, การใช้ถังดับเพลิงเบื้องต้น | การควบคุมเพลิง, การกู้ภัย, การทำงานในพื้นที่อันตราย |
การฝึกอบรมที่ต้องมี | อบรมเฉพาะทางสำหรับผู้เฝ้าระวังไฟ ตามหลักสูตรที่รองรับโดยกฎหมาย | ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมดับเพลิงขั้นต้น/ขั้นสูงหรือฝึกอบรมระดับกู้ภัย |
ข้อกำหนดตามกฎหมาย | กำหนดโดยกฎกระทรวง (เช่น งาน Hot Work ต้องมีผู้เฝ้าระวังไฟ)[1] | มักกำหนดในแผนตอบโต้เหตุฉุกเฉิน และแผนความปลอดภัยประจำสถานที่[2] |
ทั้ง 2 บทบาทนี้ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนมาตรการป้องกันอัคคีภัยได้อย่างครอบคลุม ทั้งในแง่การเตรียมพร้อมก่อนเกิดเหตุ และการตอบสนองเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง โดยแต่ละบทบาทล้วนมีความสำคัญในลักษณะที่แตกต่างกัน และไม่สามารถทดแทนกันได้
ผู้เฝ้าระวังไฟ ไม่ใช่แค่ “ยืนดู” แต่คือด่านหน้าของการป้องกันอัคคีภัย
หลายองค์กรยังคงเข้าใจว่า “ผู้เฝ้าระวังไฟ” คือคนที่ยืนอยู่เฉย ๆ ในขณะคนอื่นทำงานเชื่อมหรืองานร้อน ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะบทบาทนี้ต้องมีความเข้าใจเรื่อง:
-
การประเมินความเสี่ยงก่อนเริ่มงานร้อน
-
การจัดเตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงประจำจุด
-
การเฝ้าสังเกตประกายไฟ หรือความร้อนผิดปกติระหว่างงาน
-
การตรวจสอบพื้นที่หลังเลิกงาน (Fire Watch After Work) เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที
ผู้เฝ้าระวังไฟคือ “บุคลากรเชิงป้องกัน” ที่เน้น ไม่ให้เกิดเหตุ ขณะที่พนักงานดับเพลิงคือ “บุคลากรเชิงตอบสนอง” ที่รับมือเมื่อเหตุได้เกิดขึ้นแล้ว
ผู้เฝ้าระวังไฟ เป็นส่วนหนึ่งของระบบควบคุมความเสี่ยง (Risk Control Measures) ตามหลัก HIRARC
แนวเนื้อหา:
-
อธิบายว่าในระบบการประเมินและควบคุมความเสี่ยงตามหลัก HIRARC (Hazard Identification, Risk Assessment and Risk Control)
การมีผู้เฝ้าระวังไฟถือเป็น “มาตรการควบคุมทางวิศวกรรม + มาตรการควบคุมโดยพฤติกรรม” -
ยกตัวอย่างว่า การมีผู้เฝ้าระวังไฟคือการควบคุมความเสี่ยงที่เหลืออยู่ (Residual Risk)
-
เสริมความรู้ว่าหากไม่มีผู้เฝ้าระวังไฟ ความเสี่ยงระดับ “High” จากงานร้อนจะยังคงอยู่แม้ใช้ PPE หรืออุปกรณ์ดับเพลิง
องค์กรที่มีการทำงานเกี่ยวข้องกับความร้อน หรืองานที่มีประกายไฟ ต้องมีมาตรการควบคุมที่ครบถ้วน โดยเฉพาะการฝึกอบรมผู้เฝ้าระวังไฟสำหรับงานเชื่อมตัด ที่เข้าใจระบบความปลอดภัย ที่ได้มาตรฐาน
ต้องอบรมก่อนเริ่มปฏิบัติงาน – เพื่อให้ผู้เฝ้าระวังไฟทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้เฝ้าระวังไฟจะต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ตามมาตรฐานกฎหมายแรงงาน (เช่น กฎกระทรวง พ.ศ. 2555 ว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัย)[1] โดยหัวข้อที่ควรอบรม ได้แก่:
-
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอัคคีภัย
-
เทคนิคการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงอย่างปลอดภัย
-
วิธีการเฝ้าระวังและตรวจสอบจุดเสี่ยง
-
ขั้นตอนการแจ้งเหตุและการอพยพ
สรุป
ในโลกของความปลอดภัย ไม่มีใครสามารถแทนใครได้โดยสมบูรณ์ แม้องค์กรจะมีทีมดับเพลิงที่แข็งแกร่ง แต่หากขาด ผู้เฝ้าระวังไฟ ในระหว่างกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง องค์กรก็ยังคงเผชิญอันตรายอย่างร้ายแรง
หากองค์กรของคุณมีงานที่เกี่ยวข้องกับความร้อน งานเชื่อม งานตัด ควรจัดเตรียม การอบรมผู้เฝ้าระวังไฟโดยด่วน เพื่อสร้างความพร้อมก่อนเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น
อ้างอิง
[1] กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานเชื่อมโลหะ พ.ศ. 2555
[2] มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยในการทำงาน (Occupational Health and Safety Management Systems – ISO 45001)